สถานการณ์ Covid-19 และล็อคดาวน์ในจีนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก และทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ซึ่งประเทศไทยนอกจากจะได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยวที่อาจฟื้นตัวล่าช้าแล้ว กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็อาจได้รับผลกระทบบางส่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ ในไทยจัดหาวัตถุดิบชิปจากหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงจีน หากอนาคต Covid-19 ในจีนยังยืดเยื้ออาจทำให้การจัดหาวัตถุดิทำได้ยากและราคาสูงมากขึ้น อาจกดดันแนวโน้มรายได้และการผลิตให้ลดลง แต่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะเข้ามาชดเชยผลกระทบข้างต้นได้บางส่วน ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงยังให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนฯ “เท่าตลาด” ชูหุ้น KCE และ SMT น่าลงทุนระยะยางกลางถึงยาว

โดยนักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความกังวลสถานการณ์การล็อคดาวน์ในจีนรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จนล่าสุดเริ่มมีความกังวลว่าเมืองปักกิ่งอาจจะถูกล็อคดาวน์อย่างเต็มรูปแบบเช่นเดียวกับเมืองเซี่ยงไฮ้ หลังรัฐบาลจีนสั่งล็อคดาวน์พื้นที่หลายแห่งในเขตเฉาหยาง เมืองปักกิ่ง อีกทั้งบริษัท Foxconn ซึ่งเป็น supplier หลักของ Apple ได้ ประกาศปิด 2 โรงงานชั่วคราว ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองเซี่ยงไฮ้จากปัญหาคนงานติด Covid-19 โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าเป็นประเด็นลบต่อกลุ่มผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เนื่องจากแนวโน้มปัญหาวัตถุดิบชิปขาดแคลนจะรุนแรงขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการชิ้นส่วนฯ ไทยจัดหาวัตถุดิบ (Supplier) จากหลายเมืองในจีนและต่างประเทศ จึงสามารถหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นชดเชยได้ แต่หากการล็อคดาวน์ในจีนรุนแรงมาก อาจทำให้แนวโน้มการผลิตชิ้นส่วนฯ ของไทยทำได้ไม่เต็มที่ และอาจทำให้แนวโน้มราคาวัตถุดิบสูงขึ้น กดดันแนวโน้มประสิทธิภาพการทำกำไรได้
ทั้งนี้ หากเรียงผลกระทบตามสัดส่วนรายได้ที่มาจากจีนของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ไทย ได้ดังนี้ HANA 18% (มีโรงงานในเมืองเจียซิง ประเทศจีน), DELTA 14%, KCE 10%, SVI 5% และ SMT 0% โดยผู้ประกอบการชิ้นส่วนฯ ไทยจะได้รับผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง จนล่าสุดอยู่ที่ราว 34.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เข้ามาชดเชยผลกระทบข้างต้นได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ปรับตัวสะท้อนความกังวลปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนไปมากแล้ว จึงยังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนฯ “เท่าตลาด” โดยเน้นลงทุนระยะกลาง-ยาว สำหรับ Top pick ของกลุ่มฯ เลือก KCE ราคาเป้าหมาย 90 บาท จากแนวโน้มกำลังการผลิตจากเครื่องจักรใหม่จะเริ่มผลิตได้มากขึ้น และคาดทิศทางกำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งตั้งแต่งวดไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป และ SMT ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท จากแนวโน้มกำไรสุทธิจะทยอยฟื้นตัวรายไตรมาสในปี 2565 หลัง ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/64 ไปแล้ว จากการส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น รวมถึงการขยายฐานลูกค้า และเพิ่ม Product line ก็หลากหลายมากขึ้น
โดย สุภามาศ
________________________________
ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/web-fb
LINE@ : https://techtoro.me/web-line
Youtube : https://techtoro.me/web-yt
IG : https://techtoro.me/web-Ig
Twitter : https://techtoro.me/web-tw
Blockdit : https://techtoro.me/web-bd
Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok
Email : [email protected]
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #การลงทุน #หุ้น #หุ้นไทย #หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ #ค่าเงินบาทอ่อน #KCE #SMT #SET