และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เหล่าผู้ต่อสู้เพื่อกัญชาได้บรรลุในสิ่งที่ใฝ่ฝัน แต่ภายใต้การปลดล็อกกัญชา หลายคนยังสงสัยว่าสุดท้ายแล้ว ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์กันแน่
“ก่อนจะเริ่มต้น ผมต้องบอกก่อนว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนเสรีกัญชามาตั้งแต่ 9 ปีที่แล้ว
แต่หลังจากการศึกษาธุรกิจกัญชามาในระดับหนึ่ง มุมมองที่มีต่อตลาดการปลดล็อกกัญชาของผมก็เปลี่ยนไป…”
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจข้อเท็จจริงทางเศรษฐศาสตร์กันก่อน
ที่กัญชาแพง ไม่ได้เป็นเพราะปลูกยากหรือหายากแบบพวกเห็ดทรัฟเฟิล หรือมัสซึทาเกะ แต่แพงเพราะกฏหมาย และคุณสมบัติของมัน ทำให้ Supply มีจำกัด
ตามหลักเศรษฐศาสตร์ เมื่อ Supply น้อย ของหายาก ราคาก็จะสูงขึ้นจากความแตกต่างของ Demand และ Supply ทำให้สารสกัดจากกัญชาซื้อขายกันในราคาสูงระดับกิโลละ 600,000 บาท โดยประมาณ (ข้อมูลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว)
ดังนั้น หากเกิดกฏหมายการปลดล็อกกัญชาเกิดขึ้น Supply ของกัญชาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายแม้ Demand จะมาก แต่การเพิ่มแบบ Exponential ของ Supply ในระยะยาวแล้ว แนวโน้มราคาก็จะถูกลงในที่สุด ไม่ต่างจากพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งออกกัญชาสิ” หลายคนอาจจะคิดอย่างนั้น ในเมื่อ Demand ของตลาดโลกต้องการกัญชาทางการแพทย์สูงมาก ๆ ดังนั้น คนไทยจะรวยจากการส่งออกกัญชาทางการแพทย์ให้กับต่างประเทศ
ปัญหาก็คือ การปลูกกัญชาทางการแพทย์ แตกต่างจากการปลูกกัญชาแบบปกติชาวบ้านทั่วไปมาก
เราต้องเข้าใจก่อนว่าหัวใจของกัญชาคือ สารเคมีที่มีชื่อว่า Cannabinol มีสรรพคุณทางการแพทย์มากมาย ทั้งช่วยเรื่องความเครียด โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ ภูมิแพ้ เพิ่มความอยากอาหาร ลดปวด เป็นต้น
สาร Cannabinol นั้นแบ่งออกเป็นสองแบบตามองค์ประกอบเคมี แบบแรกชื่อว่า THC (Tetrahydrocannabinol) เป็น Cannabinol ที่ส่งผลด้านจิตใจเป็นหลัก และตัวที่สองชื่อ CBD (Cannabidiol) เป็น Cannabinol ที่ส่งผลด้านกายภาพเป็นหลัก
ทางการแพทย์จำเป็นจะต้องแบ่งการใช้งาน Cannabinol ทั้งสองแบบ เพื่อผลเฉพาะทาง เช่น รักษาโรคซึมเศร้าจะใช้ THC Oil ส่วนรักษามะเร็งจะใช้ CBD Oil
ทั้ง THC และ CBD นี้มีอยู่ในกัญชาแต่ละสายพันธุ์มีความเข้มข้นมากน้อยแตกต่างกัน เช่น สายพันธุ์ Sativa ซึ่งเป็นสายพันธุ์กัญชาเขตร้อนจะมีความเข้มข้นของ THC สูงกว่า CBD ในขณะที่สายพันธุ์ Indica เป็นสายพันธุ์กัญชาเขตหนาว จะมีความเข้มข้นของ CBD สูงกว่า THC
สายพันธุ์กัญชาในโลกทุกวันนี้เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการปรังปรุงพันธุ์ (Breed) ผสมระหว่าง Sativa กับ Indica (ที่จริงมีอีกสายพันธุ์นึงชื่อว่า Ruderalis ซึ่งมีความเข้มข้นของ Cannabinol ต่ำกว่า แต่ขอข้ามไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะยาวเกิน) แทบทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะถูกผสม ปรับปรุงพันธุ์ให้มีความเข้มข้นของ THC และ CBD แตกต่างกันไป
1. การจัดการสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้นหากต้องการปลูกกัญชาทางการแพทย์ ประชาชนคนทั่วไปจำเป็นจะต้องมีสายพันธุ์กัญชาที่มี Genotype ตรงกับแม่พันธุ์แบบเป๊ะ ๆ ซึ่งแม้คุณจะได้เมล็ดพันธุ์ที่มี Genotype ถูกต้องตามต้องการ แต่ทุก ๆ รุ่นของกัญชาที่ปลูก ต้นกัญชามักจะมีการกลายพันธุ์ ทำให้เกิด Phenotype ที่แตกต่างไปจากรุ่นแม่ และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ สายพันธุ์ของคุณก็จะมีสเปคแตกต่างจากที่แพทย์ต้องการ
ซึ่งวิธีการรักษาไม่ให้กัญชากลายพันธุ์ จะต้องมีการดูแลรักษาแม่พันธุ์ รวมถึงการใช้เทคนิคการทำ Micropropagation (เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ) จากต้นแม่ จึงจะทำให้กัญชารักษา Genotype ที่สำเนาถูกต้องกับต้นแม่แบบ 100%
แต่การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนั้นจำเป็นต้องใช้ความรู้และเครื่องมือแลปในการตัดเนื้อเยื่อและเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งประชาชนคนธรรมดาทั่วไปคงลำบากมากที่จะมีแลปเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ง่ายเลยที่คนธรรมดาสามัญจะปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ได้
2. การจัดการฟาร์มกัญชา และบริหารต้นทุนการปลูก
ยิ่งไปกว่านั้นอีกปัญหาสำคัญ คือ เทคโนโลยีการเกษตรจะทำให้ต้นทุนสินค้าเกษตรต่ำลงเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่กัญชา
โดยปกติแล้วการปลูกกัญชาแบบ Outdoor จะเสียเปรียบการปลูกแบบ Indoor เนื่องจากกัญชาเป็นพืชที่ออกดอกตามฤดูกาล (Photoperiodic) นั่นทำให้เราไม่สามารถปลูกกัญชาได้ตลอดปี แต่การปลูกกัญชาในร่มนั้น Smartfarm สามารถใช้ระบบควบคุมแสงเพื่อหลอกให้กัญชาเข้าใจว่าเป็นฤดูออกดอก ทำให้กัญชาสามารถปลูกได้ตลอดปีภายใน Indoor (แต่แน่นอนว่าการปลูก Indoor นั้นมีเงินลงทุนสูงกว่าการปลูก Outdoor มาก)
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเทคโนโลยีการปลูกกัญชาแบบ Indoor โดยใช้ Smartfarm, Aquaponic และ IoT จะช่วยให้สามารถปลูกกัญชาคุณภาพสูงได้ทั้งปี เนื่องจากฟาร์มสามารถควบคุมทั้ง Micronutrient (สารอาหารที่ไม่ให้พลังงานและร่างกายต้องการในปริมาณที่น้อยแต่ก็ขาดไม่ได้), Macronutrient (สารอาหารหลัก) อุณหภูมิ ความชื้น และแสง ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะการปรับความยาวคลื่นของ LED ทำให้กัญชาโตเร็วและเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าแสงธรรมชาติ ซึ่ง LED ชุดหนึ่งก็มีราคาหลายหมื่นถึงหลักแสน
เทคโนโลยีต่าง ๆ ข้างต้น ทำให้ผลผลิตต่อตารางเมตรของกัญชาจาก Smartfarm ของบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น ทิ้งห่างการปลูกกัญชาตามธรรมชาติไปมากขึ้นเรื่อย ๆ และต้นทุนของการปลูกก็จะต่ำลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการปลูกที่ซับซ้อนเช่นการทำ Topping, Super Cropping, Low Stress Training, ScrOG, Night Break Lighting และอีกมากมายที่จะรีดผลผลิตกัญชาออกมาให้ได้มากที่สุด
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนใช้เทคโนโลยี และ Know-How ขั้นสูง ที่เกษตรกร หรือคนทั่วไปแทบจะไม่สามารถลงทุน และแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ได้เลย
อีกทั้งยังมีในเรื่องของห้องแลปวิจัย การพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์กัญชาให้ดีขึ้นด้วย Aritificial Selection, Gene Engineering ในระยะยาวกัญชาของบริษัทยักษ์ใหญ่ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กัญชาที่คนทั่วไปปลูกก็จะกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
ดังนั้น ในรายละเอียดของธุรกิจฟาร์มกัญชา ทั้งคุณภาพ ทั้งปริมาณ ทั้งต้นทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทกัญชายักษ์ใหญ่ (ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ปลูกในไทยแล้วหลายเจ้า) ยังคงกินขาดเกษตรกรทั่วไปในที่สุด
ย้อนกลับไปคำถามเดิม…
ถ้าคนธรรมดา ไม่มีเทคโนโลยีที่จะปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ได้ แถมกัญชาปกติธรรมดาสามัญ ก็ยังส่งออกไปขายต่างประเทศได้ยากลำบาก การปลดล็อกกัญชาที่เกิดขึ้น คนปลูกจะเอาไปขายให้ใคร ในเมื่อทั้งประเทศปลูกกันได้หมดอย่างอิสระ? ปลูกแล้วเก็บไว้สูบหรือบริโภคเองน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด
แต่เมื่อ Supply มีมาก ใคร ๆ ก็ทำได้ ราคากัญชาในระยะยาวก็จะไม่ต่างจากพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่วิ่งตามกลไกตลาด ในระยะยาวกัญชาก็จะไม่แพงอีกต่อไปแล้ว เพราะเป็นของถูกกฏหมายมีมากมาย ซึ่งกัญชานั้นปลูกง่ายมาก ทิ้งเมล็ดไว้ก็ยังสามารถขึ้นตามข้างทางได้ง่าย ๆ
ทีนี้ “ใครเสียผลประโยชน์”..?
กัญชาเป็น Megatrend ที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าบุหรี่และเหล้าหลายเท่าตัว ดังนั้น ภาษีสรรพสามิตที่รัฐบาลเคยเก็บได้จากเหล้าและบุหรี่ อาจจะหายไปอย่างฮวบฮาบ เพราะประชาชนสามารถสูบกัญชาแทนบุหรี่หรือเหล้าได้แล้วอย่างถูกกฏหมาย
แต่ในทางการคลัง ภาษีสรรพสามิตที่หายไปตรงนี้ รัฐบาลจำเป็นจะต้องหาภาษีจากแหล่งอื่นมาชดเชย ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้ง ภาษีเงินได้นิติบุคคล? VAT? หรือภาษีอะไรก็ตาม ที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้มาซึ่งการปลดล็อกกัญชา
ดังนั้นนโยบายการปลดล็อกกัญชาเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ผลในทางเศรษฐศาสตร์ที่คิดกันว่า เศรษฐกิจประเทศไทยจะฟื้น คนไทยจะรวยจากกัญชา ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดกันอีกพอสมควร
ต้นฉบับ: https://www.facebook.com/niranpr/posts/10225605886306707