โดย ศุภมาศ
แนวโน้มไตรมาส 4/65 ของหุ้นธนาคารยังเติบโตตามการขยายตัวของสินเชื่อ จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น แม้ไตรมาสนี้จะเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้นตามฤดูกาล แต่นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 4/65 ของหุ้นกลุ่มธนาคารยังเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า กลุ่มธนาคารยังเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด จากสินเชื่อที่เติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า จากกระแสเงินที่ไหลเข้า หลังดุลการค้าติดลบน้อยลง โดยเลือก BBL และ KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม
สำหรับ BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคารที่โบรกเกอร์หลายสำนักแนะนำให้เก็บสะสม โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุถึงแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 4/65 คาดกำไรสุทธิจะเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เพราะฐานสินเชื่อที่ขยายตัวจากการเบิกจ่ายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศ รวมถึงดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาส 3/65 เพราะธนาคารตั้งสำรองล่วงหน้าไปมากแล้ว ส่งผลให้ภาพรวมปี 2565-2566 ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 2.91 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% และ 3.06 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% ตามลำดับ
ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 180 บาท เลือก BBL เป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันเศรษฐกิจมีความเปราะบางมากขึ้น ดังนั้นจึงให้น้ำหนักเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น ซึ่ง BBL เป็นธนาคารที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ และความเพียงพอของสำรองมากสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และมีความเป็นผู้นำด้านสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งจะได้อานิสงส์โดยตรงจากการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งในไทยและอินโดนีเซีย

ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ของ KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดกำไรสุทธิจะปรับขึ้นจากไตรมาส 4/64 และโตเล็กน้อยจากไตรมาส 3/65 โดยประเมินว่าระดับการตั้งสำรองยังทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากคาดว่าบริษัทตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต และรองรับการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองคาดจะฟื้นตัวจากไตรมาส 3/65 หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่มีแนวโน้มโตดี ตามพอร์ตสินเชื่อที่จะขยายตัวตามเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงได้ผลบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย หนุนให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง
ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดฟื้นตัวขึ้น หนุนจากผลขาดทุนของธุรกิจประกันชีวิตที่คาดปรับตัวลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรับขึ้นตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่าทั้งปี 2565 KBANK จะมีกำไรสุทธิที่ 4.34 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.2% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตามคำแนะนำลงทุน แม้ฝ่ายวิจัยมองผลการดำเนินงานของ KBANK ในช่วงสั้นยังถูกกดดันด้วยค่าใช้จ่ายตั้งสำรองที่ลดลงได้ยาก จากการปรับคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมให้แข็งแรงขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งจะเริ่มเห็นผลดีตั้งแต่ปี 2566 หลังแรงกดดันในการตั้งสำรองที่ลดต่าลง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 187 บาท
________________________________
ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/web-fb
LINE@ : https://techtoro.me/web-line
Youtube : https://techtoro.me/web-yt
IG : https://techtoro.me/web-Ig
Twitter : https://techtoro.me/web-tw
Blockdit : https://techtoro.me/web-bd
Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok
Email : [email protected]
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #หุ้นแบงก์ #หุ้นธนาคาร #หุ้น #หุ้นไทย #หุ้นเด่น #ลงทุน #BBL #KBANK #StockInfo