9 เทรนด์สุดล้ำ AI ทำอะไรได้บ้างในปี 2023

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแส AI หรือปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นที่น่าจับตาอย่างมาก หลังจากการเกิดขึ้นของ ‘ChatGPT’ แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสื่อสารผ่านข้อความกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังตอบคำถามของมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง อย่างล่าสุดเจ้า ChatGPT สามารถสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพแพทย์ของสหรัฐแบบผ่านฉลุย 

นอกจากนี้ยังสามารถทำข้อสอบปริญญาโทบริหารธุรกิจ ของโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน (Wharton MBA) โดยอาจารย์ที่ดูแลหลักสูตรดังกล่าวมีความเห็นว่า ChatGPT สามารถคว้าเกรด B มาครอบครองได้อย่างไม่ยากเย็น

เรามาดูกันดีกว่าว่าในปี 2023 นี้ นอกจาก ChatGPT แล้ว AI สามารถทำอะไรได้บ้าง แอดมินสรุปมาให้แล้ว!

1. ตรวจจับและแยกแยะ วัตถุหรือเสียง

AI ที่สามารถตรวจจับแลแยกแยะประเภทของวัตถุถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยที่เราอาจไม่ทันสังเกต ทุกวันนี้โทรศัพท์หลายแบรนด์มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูป AI ซึ่งช่วยให้ถ่ายรูปได้ดีขึ้นด้วยการระบุวัตถุและฉากอย่างชาญฉลาด พร้อมทั้งปรับปรุงการตั้งค่าของกล้องให้สอดคล้องกัน

ล่าสุด บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ยังได้เปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ VALL-E ที่มีศักยภาพในการจำลองเสียงมนุษย์ได้สมจริงมาก จากการฟังเสียงต้นแบบเพียง 3 วินาที โดยสามารถแสดงทั้งอารมณ์ น้ำเสียง และสภาพแวดล้อมให้ตรงตามต้นฉบับได้อย่างเป็นธรรมชาติ!

2. ขับรถด้วยตัวเอง

หลายบริษัทกำลังมุ่งมั่นพัฒนา AI ที่สามารถขับรถได้ด้วยตัวเอง (Self-Driving) หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “รถยนต์ไร้คนขับ” โดยมีบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla เป็นผู้นำเทรนด์ รวมไปถึง Google, Apple แม้กระทั่ง Nvdia ซึ่ง “รถยนต์ไร้คนขับ” นี้เป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานเทคโนโลยี 4 อย่างเข้าด้วยกัน ได้แก่ Computer Vision, Deep Learning, Robotic, และ Navigation

3. วาดรูปจากข้อความ

กระแสวาดรูปด้วยข้อความเป็นที่นิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Midjourney, DALL·E หรือ WomboArt ถึงขนาดที่ว่า มีศิลปินชนะการประกวดแข่งขันวาดภาพในหมวดศิลปะดิจิทัล ด้วยการใช้ AI สร้างรูปภาพขึ้นภาพจากคำอธิบายของเขา

4. ผู้ช่วยเสมือน

หลายคนน่าจะเคยชินกับ AI ประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็น Google Assistant, Siri หรือ Alexa ซึ่งสามารถช่วยเหลือและตอบโต้กับเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ก้าวหน้าไปอย่างมาก ถึงขนาดที่ AI สามารถโทรไปจองโต๊ะที่ร้านอาหารให้กับคุณได้!

5. เขียนโค้ด

นอกจาก ChatGPT แล้ว ทางบริษัท OpenAI ยังได้พัฒนา AI ที่มีชื่อว่า Codex ซึ่งเป็น AI เขียนโค้ด โดยความพิเศษของ Codex คือการสร้างภาษา Coding ผ่านข้อความสั้น ๆ จากภาษาที่ใช้กันอยู่ตามปกติ เช่น “Make a red ball bounce” (ทำให้ลูกบอลสีแดงกระเด้ง) ระบบจะแสดงผลเป็นภาษา Coding ที่นำไปรันบนคอมพิวเตอร์แล้วให้ผลลัพธ์เป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีลูกบอลสีแดงกระเด้งไปมาจริง ๆ

6. แชตบอตอัจฉริยะ

มาถึงคิวของ ChatGPT ที่หลายคนรู้จัก แชตบอตอัจฉริยะที่สามารถตอบคำถามของเราได้อย่างชาญฉลาด และเป็นธรรมชาติ โดย ChatGPT สามารถทำงานได้หลากหลายตามคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นเสนอไอเดีย สรุปบทความยาว ๆ หรืออธิบายเรื่องยาก ๆ

7. เรียนรู้อารมณ์

ถึงแม้ AI จะยังไม่สามารถถอดแบบวิธีคิดของมนุษย์ได้ 100% แต่ก็มากพอที่จะต่อยอดเป็น ‘Emotional AI’ เทคโนโลยีวิเคราะห์ความรู้สึกจากการแสดงสีหน้าและน้ำเสียง โดยในปี 2023 จะมีการใช้งาน Emotional AI อย่างแพร่หลาย เช่น โรงเรียนในฮ่องกงเริ่มนำ AI มาตรวจวัดการเคลื่อนไหวบนใบหน้าของนักเรียน เพื่อวิเคราะห์ความรู้สึกและสมาธิในการเรียน เป็นต้น

8. รักษาความปลอดภัย

AI Security คือ Antivirus ที่นำเอาความสามารถของ AI มาใช้ในการตรวจจับพฤติกรรมภายในระบบและเครือข่ายที่มีเหตุการณ์ผิดปกติต่าง ๆ โดยทำการวิเคราะห์และจำแนกพฤติกรรมที่ผิดปกติออกมาเพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าเป็นการกระทำจากไวรัส/มัลแวร์หรือไม่

9. ช่วยเทรด และจัดพอร์ต

ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้นำเอาเทคโนโลยี AI มาพัฒนา และนำเสนอเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม AI ที่พัฒนาขึ้นมายังอยู่ระหว่างเรียนรู้ และสามารถนำมาช่วยการลงทุนได้เพียงบางหน้าที่เท่านั้น เช่น คัดเลือกหุ้น ช่วยตัดสินใจซื้อขาย บริหารเงินทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม แต่ยังไม่สามารถผสมผสานทุกหน้าที่เพื่อประเมินและให้ข้อสรุปที่ดีที่สุดพร้อมกันได้

บทความโดย คุณานันต์ TECHTORO 💙❤️

________________________________

ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์

กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻

FB : https://techtoro.me/web-fb

LINE@ : https://techtoro.me/web-line

Youtube : https://techtoro.me/web-yt

IG : https://techtoro.me/web-Ig

Twitter : https://techtoro.me/web-tw

Blockdit : https://techtoro.me/web-bd

Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok 

Email : [email protected]

#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #AI #Robotic #Science #Technology #SelfDriving #Tesla #Apple #ChatGPT #Google #Siri #Alexa #Midjourney #เอไอ #เทคโนโลยี