หลังจากที่ ก.พาณิชย์ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน พ.ค. 65 ออกมาอยู่ที่ 7.1% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 13 ปี และมีแววว่าเงินเฟ้อยังทรงตัวต่อเนื่องไปอีกในช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งถือเป็นสัญญาที่อาจจะส่งผลให้ กนง.(คณะกรรมการนโยบายการเงิน) อาจจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงเดือน ส.ค.
ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แอดมินได้สำรวจหาหุ้นที่ทนต่อภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยมาให้กับลงทุนเลือกพิจารณาลงทุนได้ในธีมเงินเฟ้อ ในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. สูงถึง 7.10% สูงกว่าตลาดคาดที่ 5.78% และสูงสุดในรอบ 13 ปี 10 เดือน สาเหตุหลักมาจากการพุ่งขึ้นของ 1.ราคาพลังงาน เพิ่มขึ้น 37.24% จากปีก่อน ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับ มาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้มหมดอายุลง ทำให้ราคาทยอยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงเดือน มิ.ย. เช่นเดียวกับการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือน พ.ค.–ส.ค.
2.กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ราคาปรับตัวสูงขึ้นในเกือบทุกกลุ่มสินค้าตามการต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.28% ใกล้เคียงคาดที่ 2.20% ส่วนค่าเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.- พ.ค.) เงินเฟ้อทั่วไปยังทรงตัวในระดับสูงที่ 5.19% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.72%
แนวโน้มเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับสูง
ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดเงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูงถึงปลายไตรมาส 3/65 จากผลของ
1) ราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ไม่สามารถตรึงไว้ที่ระดับ 30.00 บาท/ลิตร โดยล่าสุดขยับขึ้นอีก 1 บาท/ลิตร อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร และการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.
ขณะที่ มาตรการช่วยกลุ่มเปราะบางและหาบเร่แผงลอย 100 บาท/ถัง จะสิ้นสุดเดือน ก.ค.
2) ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากการระงับการส่งออกสินค้าในหลายประเทศ
3)ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศเร่งตัวขึ้น
4) อุปสงค์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในประเทศ
โดยถ้าอิงคาดการณ์เงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ เรามีข้อสังเกตตรงที่เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจริงยังเกาะขอบบนของค่าคาดการณ์ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากฐานปีก่อนที่ต่ำในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. 2564 เพราะเศรษฐกิจในประเทศถูกกระทบจากสายพันธุ์ Delta อย่างหนัก
ประกอบกับราคาพลังงานในตลาดโลก ณ ปัจจุบันยังทรงตัวระดับสูง จึงเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะทรงตัวที่กรอบ 6.50%-7.00% ก่อนจะอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือน ก.ย.และคาดว่าจะลงมาอยู่ในระดับ 3-4% ในช่วงไตรมาส 4/65 จากฐานที่ขยับสูงขึ้นในปีก่อน
ธีมเงินเฟ้อยังลงทุนได้ใน 3 เดือนข้างหน้า
แน่นอนว่า กนง. ยังสงวนท่าทีสำหรับการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันพุธนี้ โดยเราคาดว่าจะรอดูตัวเลขเดือน มิ.ย. ก่อน เพื่อพิจารณาว่าเป็นช่วงใกล้จุด Peak ตามคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 10 ส.ค.
อย่างไรก็ตามเนื่องจากรอบนี้เป็นรอบรายไตรมาส ที่จะมีการกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวม ซึ่งเราคาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่เร่งตัวขึ้นไม่หยุดอีก 13.3% จากปีก่อน ทำให้ PPI เฉลี่ย 5 เดือนของปี 65 อยู่ที่ 11.1% จากปีก่อน จะเป็นตัวแปรที่สร้างความกังวลให้กับ กนง. มากขึ้น จนทำให้ตลาดตีความในลักษณะเพิ่มโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีผลที่ตามมา คือดอกเบี้ยในตลาดการเงินจะปรับตัวขึ้นไปรอดอกเบี้ยนโยบาย จากการเร่งจัดหาเงินทุนผ่านการออกตราสารหนี้ และผ่านการกู้ยืมในระบบสถาบันการเงิน
เพราะฉะนั้น กลุ่มที่จัดหาเงินทุนจากการกู้ยืมในสัดส่วนที่มาก เช่น โรงไฟฟ้า ไฟแนนซ์สื่อสาร อสังหาฯ จะถูกกดดันเชิง Sentimentส่วนกลุ่มบริการ จะเป็นกลุ่มที่ทนทานกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดีกว่า เช่น ธนาคารพาณิชย์, อาหารเครื่องดื่ม, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, บันเทิง, การแพทย์ หุ้นที่น่าสนใจ เช่น KBANK, TTB, TU, CPALL, MAKRO, MINT, MAJOR, BDMS เป็นต้น
________________________________
ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/web-fb
LINE@ : https://techtoro.me/web-line
Youtube : https://techtoro.me/web-yt
IG : https://techtoro.me/web-Ig
Twitter : https://techtoro.me/web-tw
Blockdit : https://techtoro.me/web-bd
Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok
Email : [email protected]
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #หุ้น #เงินเฟ้อ #ดอกเบี้ย #หุ้นเด่น #การลงทุน