อยากลงทุนต้องรู้! หุ้น 6 ประเภท ตามสไตล์ Peter Lynch

1. หุ้นเติบโตช้า

หลัก ๆ เป็น ธุรกิจเติบโตช้า หรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่อิ่มตัว รายได้คงที่ หรือเพิ่มขึ้นต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ 5% – 10% หุ้นประเภทนี้ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่หวังส่วนต่างราคา

2. หุ้นแข็งแกร่ง

จะเป็นหุ้นของกิจการที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ซึ่งจะสะท้อนไปยังงบการเงินที่ดี ทนต่อภาวะเศรษฐกิจ มีกำไรต่อหุ้นเติบโตประมาณปีละ 10% ปีเตอร์ ลินซ์หวังส่วนต่างราคาจากหุ้นประเภทนี้ประมาณ 30% – 50% หากเทียบในตลาดบ้านเรา สามารถหาหุ้นกลุ่มนี้ได้จาก SET50 SET100

3. หุ้นโตเร็ว

ลักษณะเด่นๆ ของหุ้นกลุ่มนี้คือมีการเติบโตปีละ 20% – 25% หรือมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นอย่างก้าวกระโดด ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดเล็ก หากเพื่อน ๆ นักลงทุนอยากมีกำไรหลาย ๆ เด้งหุ้นกลุ่มนี้จะตอบโจทย์ บริษัทเติบโตเร็วไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็ว ข้อควรระวังหากหุ้นที่เพื่อน ๆ ซื้อหุ้นกลุ่มนี้ที่ราคาแพงเกินไป หากไม่เติบโตเป็นไปตามคาดก็ทำให้ขาดทุนเยอะได้เหมือนกัน หุ้นกลุ่มนี้สามารถหาได้จากตลาด MAI เป็นส่วนใหญ่

4. หุ้นวัฏจักร

เป็นหุ้นที่มีการเติบโตขึ้นลงตามปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน ถ่านหิน ราคาหมู ราคาไก่ รายได้ กำไร จะสลับขึ้น ๆ ลง ๆ แต่หากทายถูกทางว่าจะมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นมาก ก็สามารถได้กำไรส่วนต่างราคาที่มาก อย่างเช่น หุ้นกลุ่มเดินเรือ กลุ่มเหล็ก ที่ผ่านมาราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ในทางตรงกันข้ามหากคาดการณ์ผิดก็ทำให้ขาดทุนเยอะได้เช่นกัน ปีเตอร์ ลินซ์ แนะนำว่าต้องสามารถตรวจหาสัญญาณการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

5. หุ้นฟื้นตัว

หุ้นกลุ่มนี้มักเป็นหุ้นที่ธุรกิจประสบปัญหาขาดทุนหนัก หรือเกือบล้มละลาย และมีแนวโน้มว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นดีได้ ก็สามารถทำให้นักลงสร้างผลตอบแทนได้มากเช่นเดียวกัน แต่ก็อย่าลืมหากธุรกิจไม่สามารถพลิกกลับมาได้เลย เงินของนักลงทุนนั่นอาจไปพร้อมกับกิจการเลยก็เป็นได้

6. หุ้นทรัพย์สินมาก

หุ้นกลุ่มนี้ เป็นกิจการที่ถือครองทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาก แต่ตลาดยังมองไม่เห็น เช่นมีที่ดินเยอะ ทำเลดี หรือมีเงินสดในบริษัทเยอะ อัตราส่วนที่ใช้วิเคราะห์เบื้องต้น จะเน้นการหาราคาต้นทุนของทรัพย์สินต่างๆ ที่บริษัทถือครองอยู่เทียบกับราคาตลาด ณ ปัจจุบัน

 Techtoro แถมให้

Peter Lynch เป็นนักลงทุนและผู้จัดการกองทุนรวมชาวอเมริกัน เขาได้เริ่มทำงานในฐานะผู้จัดการกองทุน Magellan Fund ในปี 1977 ซึ่งในขณะนั้นกองทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวม 18 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Lynch ใช้เวลา 13 ปี ในการบริหารกองทุนให้มีมูลค่าสูงขึ้นจากเดิมเป็น 14,000 ล้านเหรียญ ได้รับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 29.2% ต่อปี ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ทำกำไรมากที่สุดในประวัติศาสตร์

บทความโดย คุณานันต์ TECHTORO 💙❤️

________________________________

ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์

กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻

FB : https://techtoro.me/web-fb

LINE@ : https://techtoro.me/web-line

Youtube : https://techtoro.me/web-yt

IG : https://techtoro.me/web-Ig

Twitter : https://techtoro.me/web-tw

Blockdit : https://techtoro.me/web-bd

Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok 

Email : [email protected]

#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #หุ้น #ประเภทหุ้น #PeterLynnch #หุ้นเด่น #หุ้นไทย #หุ้นต่างประเทศ #หุ้นรายตัว #กองทุนรวม #ลงทุน #Traditional #VI #Investment #Stock #Stocks #Fund #Money