1. หุ้นเติบโตช้า
หลัก ๆ เป็น ธุรกิจเติบโตช้า หรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่อิ่มตัว รายได้คงที่ หรือเพิ่มขึ้นต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ 5% – 10% หุ้นประเภทนี้ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่หวังส่วนต่างราคา
2. หุ้นแข็งแกร่ง
จะเป็นหุ้นของกิจการที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ซึ่งจะสะท้อนไปยังงบการเงินที่ดี ทนต่อภาวะเศรษฐกิจ มีกำไรต่อหุ้นเติบโตประมาณปีละ 10% ปีเตอร์ ลินซ์หวังส่วนต่างราคาจากหุ้นประเภทนี้ประมาณ 30% – 50% หากเทียบในตลาดบ้านเรา สามารถหาหุ้นกลุ่มนี้ได้จาก SET50 SET100
3. หุ้นโตเร็ว
ลักษณะเด่นๆ ของหุ้นกลุ่มนี้คือมีการเติบโตปีละ 20% – 25% หรือมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นอย่างก้าวกระโดด ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดเล็ก หากเพื่อน ๆ นักลงทุนอยากมีกำไรหลาย ๆ เด้งหุ้นกลุ่มนี้จะตอบโจทย์ บริษัทเติบโตเร็วไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็ว ข้อควรระวังหากหุ้นที่เพื่อน ๆ ซื้อหุ้นกลุ่มนี้ที่ราคาแพงเกินไป หากไม่เติบโตเป็นไปตามคาดก็ทำให้ขาดทุนเยอะได้เหมือนกัน หุ้นกลุ่มนี้สามารถหาได้จากตลาด MAI เป็นส่วนใหญ่
4. หุ้นวัฏจักร
เป็นหุ้นที่มีการเติบโตขึ้นลงตามปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน ถ่านหิน ราคาหมู ราคาไก่ รายได้ กำไร จะสลับขึ้น ๆ ลง ๆ แต่หากทายถูกทางว่าจะมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นมาก ก็สามารถได้กำไรส่วนต่างราคาที่มาก อย่างเช่น หุ้นกลุ่มเดินเรือ กลุ่มเหล็ก ที่ผ่านมาราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ในทางตรงกันข้ามหากคาดการณ์ผิดก็ทำให้ขาดทุนเยอะได้เช่นกัน ปีเตอร์ ลินซ์ แนะนำว่าต้องสามารถตรวจหาสัญญาณการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
5. หุ้นฟื้นตัว
หุ้นกลุ่มนี้มักเป็นหุ้นที่ธุรกิจประสบปัญหาขาดทุนหนัก หรือเกือบล้มละลาย และมีแนวโน้มว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นดีได้ ก็สามารถทำให้นักลงสร้างผลตอบแทนได้มากเช่นเดียวกัน แต่ก็อย่าลืมหากธุรกิจไม่สามารถพลิกกลับมาได้เลย เงินของนักลงทุนนั่นอาจไปพร้อมกับกิจการเลยก็เป็นได้
6. หุ้นทรัพย์สินมาก
หุ้นกลุ่มนี้ เป็นกิจการที่ถือครองทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาก แต่ตลาดยังมองไม่เห็น เช่นมีที่ดินเยอะ ทำเลดี หรือมีเงินสดในบริษัทเยอะ อัตราส่วนที่ใช้วิเคราะห์เบื้องต้น จะเน้นการหาราคาต้นทุนของทรัพย์สินต่างๆ ที่บริษัทถือครองอยู่เทียบกับราคาตลาด ณ ปัจจุบัน
Techtoro แถมให้
Peter Lynch เป็นนักลงทุนและผู้จัดการกองทุนรวมชาวอเมริกัน เขาได้เริ่มทำงานในฐานะผู้จัดการกองทุน Magellan Fund ในปี 1977 ซึ่งในขณะนั้นกองทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวม 18 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Lynch ใช้เวลา 13 ปี ในการบริหารกองทุนให้มีมูลค่าสูงขึ้นจากเดิมเป็น 14,000 ล้านเหรียญ ได้รับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 29.2% ต่อปี ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ทำกำไรมากที่สุดในประวัติศาสตร์
บทความโดย คุณานันต์ TECHTORO 💙❤️
________________________________
ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/web-fb
LINE@ : https://techtoro.me/web-line
Youtube : https://techtoro.me/web-yt
IG : https://techtoro.me/web-Ig
Twitter : https://techtoro.me/web-tw
Blockdit : https://techtoro.me/web-bd
Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok
Email : [email protected]
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #หุ้น #ประเภทหุ้น #PeterLynnch #หุ้นเด่น #หุ้นไทย #หุ้นต่างประเทศ #หุ้นรายตัว #กองทุนรวม #ลงทุน #Traditional #VI #Investment #Stock #Stocks #Fund #Money