โดย ศุภมาศ
การดำเนินมาตรการ Zero-Covid ของจีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ถูกล็อกดาวน์ต้องหยุดชะงัก ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการปรับทีมผู้บริหารชุดใหม่ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สนับสนุนนโยบาย Zero-Covid ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด จากความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศ
และหากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ช้าอย่างที่นักวิเคราะห์เป็นกังวล ย่อมส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้ต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจจากประเทศจีน ซึ่ง Wealthy Thai มีข้อมูลจาก บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ถึง 5 กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมาฝาก

โดยบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า การเปิดเผยทีมผู้บริหารชุดใหม่ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สนับสนุนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และข่าวลบจากยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. 2565 ของจีนขยับขึ้นเพียง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนส.ค. 2565 ที่มีการขยายตัว 5.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 3.3% ขณะเดียวกันจีนเปิดเผยตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/65 ขยายตัว 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 3.3% – 3.4% แต่ยังห่างจากเป้าหมายที่รัฐบาลหวังไว้ที่ 5.5%
นับเป็น sentiment เชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้ที่พึ่งพิงเศรษฐกิจจากประเทศจีน เนื่องจากมีความกังวลต่อทีมบริหารของจีนชุดใหม่ที่ยังสนับสนุนนโยบาย zero covid ทำให้มีความไม่แน่นอนการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าเดิมได้ โดยฝ่ายวิจัยประเมินกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบมากสุด ได้แก่
( -) กลุ่มโลจิสติกส์ WICE, LEO, II และเดินเรือ RCL, PSL, TTA จะได้รับผลกระทบจากความต้องการขนส่งสินค้าที่ลดลง ส่งผลให้ปริมาณขนส่งสินค้าฟื้นตัวช้า และดัชนีค่าระวางเรือที่ยังชะลอตัว โดยประเมิน WICE จะมีสัดส่วนรายได้จากเส้นทางจีนราว 20% (แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท)
( – ) กลุ่ม Electronics จะได้รับผลกระทบจากสัดส่วนการขายไปยังลูกค้าในจีนที่อาจชะลอตัวลง โดยมีหุ้นที่ได้รับผลกระทบคือ HANA ที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าในจีนที่ 20% (แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 47.00 บาท) และ KCE ที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าจีน 11% ของยอดขาย (แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 58.00 บาท)
( – ) กลุ่มพลังงาน SPRC, TOP, BCP, ESSO จะได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของอุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่ช้าลง อีกทั้งมีแรงกดดันที่เป็นไปได้จากการที่จีนจะยังคงโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในระดับที่สูง
( – ) กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC, IRPC, SCC จะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ยังคงอ่อนแอ เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าสุทธิของผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ อีกทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตก็มีแนวโน้มทรงตัวต่ำจากอุปทานใหม่ที่เข้ามา
( – ) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP มีสัดส่วนรายได้จากจีน 7-8% นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวยังส่งผลต่อปัญหา oversupply ของกระดาษบรรจุภัณฑ์ ทำให้กระทบต่อราคาขาย (แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท)
________________________________
ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/web-fb
LINE@ : https://techtoro.me/web-line
Youtube : https://techtoro.me/web-yt
IG : https://techtoro.me/web-Ig
Twitter : https://techtoro.me/web-tw
Blockdit : https://techtoro.me/web-bd
Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok
Email : [email protected]
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #หุ้น #เศรษฐกิจจีน #WICE #HANA #TOP #PTTGC #SCGP