Blockchain คือเทคโนโลยีว่าด้วยระบบการเก็บข้อมูลซึ่งไม่มีตัวกลาง แต่ข้อมูลที่ได้รับการปกป้องจะถูกแชร์และจัดเก็บเป็นสำเนาไว้ในเครื่องของทุกคนที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกันเสมือนห่วงโซ่ (Chain) โดยทุกคนจะรับทราบร่วมกัน ว่าใครเป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลตัวจริง เมื่อมีการอัปเดตข้อมูลใด ๆ สำเนาข้อมูลในฐานเดียวกันก็จะอัปเดตตามไปด้วยทันที ทำให้การปลอมแปลงข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้จะพามารู้จัก Chain ที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก!
xCHAIN
xCHAIN เป็นระบบนิเวศบล็อกเชนที่พร้อมใช้งานจริง โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น สถาบันการศึกษา องค์กรธุรกิจระดับเอนเทอร์ไพรส์ ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ และสตาร์ทอัพ เข้าร่วมเป็น Validator Node เพื่อสร้าง Ecosystem ของบล็อกเชนที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเน้นเป็น Blockchain for Everyone หรือ “บล็อกเชนสำหรับทุกคน”
ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยโปร่งใส น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้ อีกทั้งยังมีเหรียญ XTH โทเคนที่ใช้บนระบบนิเวศ มีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยบนเครือข่ายเฉลี่ยเป็นหลักเพียงแค่ 3 สตางค์เท่านั้น ไม่ถึง 1 บาท ซึ่ง xCHAIN รองรับการพัฒนา DApps (Decentralized Applications) สำหรับพาร์ทเนอร์ที่ต้องการสร้าง DApps ของตัวเองบนระบบบล็อกเชนอีกด้วย
BNB Chain
Binance Smart Chain ผู้ให้บริการระบบนิเวศบล็อกเชนแบบกระจายอำนาจ ได้ประกาศรวมสองบริการเชนได้แก่ Binance Chain และ Binance Smart Chain มาอยู่รวมกันภายใต้ชื่อใหม่ว่า BNB Chain โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่วยรองรับการขยายตัวของโครงการใหม่ ๆ และปรับเพิ่มจำนวน Validator node จาก 21 เป็น 41 nodes
โดยครั้งหนึ่ง BNB นั้นเคยใช้พูดถึงชื่อเหรียญ Binance coin แต่ตอนนี้จะถูกใช้เรียกแทน BNB Chain ด้วยในชื่อย่อที่มาจากคำว่า “Build and Build” BNB Chain จะรองรับแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึง GameFi, SocialFi และ Metaverse โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับสเกลจากเชนเดียวให้กลายเป็นมัลติเชน นอกจากการเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว Binance ยังมีแนวคิดหนึ่งที่เรียกว่า MetaFi ซึ่งจะเป็นการรวมกันของคำว่า Meta (metadata) และ Fi (DeFi) สำหรับแนวคิดของ MetaFi นั้นชุมชน BNB Chain จะสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโปรเจกต์ต่าง ๆ ได้รวมถึง GameFi, SocialFi, Web3.0 และ NFTs ภายใต้ระบบนิเวศเดียวกัน
Ethereum
Ethereum มีระบบ Smart Contract ซึ่งทำให้ Software Developer สามารถเขียนแอปพลิเคชันต่าง ๆ ลงบนระบบของ Ethereum ได้ ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านั้นทำงานอัตโนมัติในรูปแบบของการกระจายตัวกลาง (Decentralization) ทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูง ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายเกิดขึ้นบน Ethereum เช่น แอปสำหรับแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี่ แอปกู้เงิน แอปจองโรงแรม แอปเก็บข้อมูล แอปซื้อขาย NFT เป็นต้น
ดังนั้นด้วยความที่มีแอปพลิเคชันมากมายที่ทำขึ้นมาบนระบบของ Ethereum ผู้ใช้จึงมองตัวระบบว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของโลก แตกต่างกับ BTC ที่เป็นสกุลเงิน ใช้ในการแลกเปลี่ยนโดยไม่มีการใช้งานแบบอื่น ๆ เพิ่มเติม ระบบของ Ethereum ทำเงินผ่าน “ค่าธรรมเนียม” ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มของ Ethereum โดยใช้ ETH เป็นตัวกลาง ทุก ๆ ธุรกรรมที่ทำผ่านระบบของ Ethereum จะแบ่งค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งให้กับ Validator Node หรือคนที่นำคอมพิวเตอร์ของตนเองมาประมวลผลธุรกรรมให้ Ethereum
Solana
Solana คือ บล็อกเชนอีกตัวหนึ่งมีลักษณะเหมือน “Ethereum Chain” หรือ “Binance Smart Chain” ที่อ้างว่าสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 50,000 TPS ประมวลผลได้เร็วและรองรับธุรกรรมได้จำนวนมาก จนถึงกับมีคนขนานนามว่า “SOL” จะมาเป็น “Ethereum Killer” ความรวดเร็วสะท้อนได้จาก 1 วินาที รองรับธุรกรรมได้ 50,000 รายการ เป็นจำนวนที่มากกว่า ETH และมากกว่า Visa ที่รองรับได้ 65,000 ตามสถิติปี 2016
แต่ภายหลังจาก Solana เปิดให้ใช้งาน Mainnet (Beta) มีผู้เข้าใช้เป็นจำนวนมากด้วยจำนวนธุรกรรมที่มากถึง 400,000 TPS ทำให้ระบบรวนจัดลำดับความสำคัญไม่ได้ ทำให้เกิดการ Fork ขึ้นมา จุดเด่น Solana คือมีความเร็วและมีความปลอดภัยสูงสามารถรองงับการใช้งานด้วยความเร็วถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากที่สุดในตอนนี้
________________________________
ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/web-fb
LINE@ : https://techtoro.me/web-line
Youtube : https://techtoro.me/web-yt
IG : https://techtoro.me/web-Ig
Twitter : https://techtoro.me/web-tw
Blockdit : https://techtoro.me/web-bd
Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok
Email : [email protected]
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #คริปโต #บล็อกเชน #Crypto #Blockchain #Cryptocurrency #xCHAIN #BNB #ETH #SOL