เปิดโผ 3 หุ้นโรงพยาบาล ตัวเต็ง! รับผลบวกประกันสังคมเพิ่มค่ารักษาอีก 10%

นอกจากการพิจารณาการกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 อัตราใหม่แล้ว สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ยังเตรียมปรับค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลในเครือประกันสังคมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นผลบวกโดยตรงกับหุ้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าประกันสังคมค่อนข้างมาก

               โดยนักวิเคราะห์บล.กรุงศรี ระบุว่า สำนักงานประกันสังคมเตรียมปรับค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม ซึ่งปกติจะมีสัญญาปรับค่ารักษาทุกๆ 2 ปี โดยเฉพาะค่ารักษาแบบเหมาจ่ายรายหัว เบื้องต้นน่าจะปรับขึ้นประมาณ 8-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,640 บาทต่อคน เป็น 1,790 บาทต่อคน

ดังนั้นคาดเป็น Sentiment บวก และเพิ่ม upside โดยตรงต่อโรงพยาบาลที่มีรายได้จากกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเป็นรายได้ เช่น RJH หรือ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน), BCH หรือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) และ CHG หรือ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน)

ทีมข่าว Wealthy Thai ได้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน www.set.or.th พบว่า RJH สิ้นปี 2565มีจำนวนผู้ประกันตนมากกว่า 212,600 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 48% ของรายได้กิจการโรงพยาบาลทั้งหมด ถัดมา BCH งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีจำนวนผู้ประกันตนอยู่ที่ 994,287 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 33.3% ของรายได้กิจการโรงพยาบาลทั้งหมด และ CHG งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีจำนวนผู้ประกันตนอยู่ที่ราว 499,694 ราย (อ้างอิงข้อมูลจากสื่อสารองค์กร CHG)

               ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานของ RJH บล.กสิกรไทย ระบุว่า ผลกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาดและแนวโน้มการดำเนินงานที่อ่อนแอในตรมาส 4/2565 น่าจะส่งผลลบต่อราคาหุ้น ขณะที่เงินปันผลครึ่งหลังปี 2565 ไม่น่าช่วยหนุนราคาหุ้น ทั้งนี้ RJH จะจัดการประชุมนักวิเคราะห์ทางออนไลน์ในวันที่ 28 ก.พ. 2566 เวลา 10.00 น.

ด้าน upside risk คาดจะมาจากการลงทุนใหม่ การขึ้นค่ารักษาของประกันสังคมและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งกว่าคาดจากกลุ่มคนไข้ข้าราชการ ขณะที่ downside risk คาดจะมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอกว่าคาดในจังหวัดอยุธยาและการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่คาดไว้

โดยฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 28.30 บาท แบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจโรงพยาบาลที่ 27.10 บาท และมูลค่าการถือหุ้น 1% ใน RAM ที่ 1.2 บาท อิงจากราคาลงทุนที่ 28.2 บาท ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิเคราะห์สะท้อน PER ที่22.3 เท่า ในปี 2567 ต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 6 ปี ที่ 24.0 เท่า และสะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 3.9% ในปี 2566 นอกจากนี้ การวิเคราะห์ความอ่อนไหวพบว่า ทุกๆ การเพิ่มขึ้น 1 ของอัตราค่ารักษาพยาบาลประกันสังคม จะสร้างมูลค่าเพิ่ม 0.7 บาท ต่อ 1 หุ้น RJH (2.5% ของราคาเป้าหมาย)

               ถัดมา BCH บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/65 จะชะลอตัวลงทั้งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากรายได้เกี่ยวกับการให้บริการ Covid-19 ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนลดลง ประเมินภาพรวมปี 2565 มีกำไรปกติที่ 3,182 ล้านบาท ลดลง 40% จากปีก่อน

               ขณะที่แนวโน้มปี 2566 คาดกำไรปกติที่ 2,202 ล้านบาท ลดลง 46% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากฐานสูง รายได้จาก Covid-19 ที่หายไป หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมรายได้เกี่ยวกับ Covid-19


มองว่าผลประกอบการจะเติบโตดีจากปีก่อน ซึ่งมาจากทั้งกลุ่มเงินสด จาก pent up demand และกลุ่มประกันสังคม จากฐานผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น

รวมถึงการกลับมาของคนไข้ต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนราว 15% ของรายได้รวม เนื่องจากรับผลบวกจากการเปิดประเทศ ทั้งนี้ คงมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 23.70 บาท ด้วยราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นจนเหลือ Upside ที่ลดลง จึงปรับคำแนะนำจากเดิม ซื้อ เป็น เก็งกำไร


               สุดท้าย CHG บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ประเมินกำไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 404 ล้านบาท ลดลง 76% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบจากไตรมาส 3/64 เป็นผลจากฐานต่ำ เนื่องจาก 1. ในไตรมาส 3/65 มีโบนัสครั้งเดียว 80 ล้านบาท และ 2. การตัดจาหน่ายวัคซีนหมดอายุในไตรมาส 3/65 ไม่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้จนกว่าจะถึงไตรมาส 4/65 (ผลกระทบทางภาษี 20 ล้านบาท)

นอกจากนี้อาจมีรายได้เพิ่มเติมจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท เนื่องจากงบประมาณปี 2564 ยังไม่ได้ใช้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักปี 2565 ลงเหลือ 2,897 ล้านบาท โดยการลด EBITDA margin ลง 0.7 ppt เป็น 39.5% เนื่องจากรายได้จาก Covid-19 ที่ทำกำไรได้ลดลงเร็วกว่าที่คาดเหลือเพียง 1-2% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 4/65

สำหรับปี 2566 คาดว่าสถานการณ์ Covid-19 จะดีขึ้น ส่งผลให้ขาดรายได้จากส่วนดังกล่าวตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่กำไรหลักอาจลดลง 52% เหลือ 1,388 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 4.40 บาท

________________________________

ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์

กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻

FB : https://techtoro.me/web-fb

LINE@ : https://techtoro.me/web-line

Youtube : https://techtoro.me/web-yt

IG : https://techtoro.me/web-Ig

Twitter : https://techtoro.me/web-tw

Blockdit : https://techtoro.me/web-bd

Tiktok : https://techtoro.me/web-tiktok 

Email : [email protected]

#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #เศรษฐกิจ #ข่าว #ข่าวหุ้น #StockInfo #ประกันสังคม #หุ้นโรงพยาบาล #WealthyThai